วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เพิ่มอรรถรสในการดื่ม กับวิสกี้ทั้ง5สี



คนไทยเราส่วนมากเวลาดื่มวิสกี้ ชอบทำให้เสียของบ่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าแต่ละชนิดมันก็แตกต่างกัน และก็อีกอย่างนิสัยของคนไทย ชอบดื่มวิสกี้ เคล้ามิกเซอร์


      มาเริ่มกันที่น้องเล็กสุดท้องของตระกูล จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ กันเลยดีกว่านะ  Johnny Walker Red Lable นี้น่าจะถูกใจคนไทยที่สุดเพราะน้องเล็กคนนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการดื่มย๊าวว..ยาว ตลอดค่ำคืน พูดง่ายๆ ก็คือดื่มได้นานๆ สนุกสนานกันทั้งคืน นั่นแหละ
      แถมวิธีการกินที่ถูกต้องนั้น ก็ต้องผสมกับ ' มิกเซอร์ ' ทั้งหลายแหล่ อันเป็นวิธีการดื่มที่นิยมในหมู่คนไทยอยู่แล้วซะอีก ดังนั้นตอนนี้ น้องเล็กของเรา ก็เลยขายดีที่สุดไปโดยปริยาย เพราะทั้งถูกใจ ถูกปาก แถมราคาก็ยังพอรับได้นั่นเอง วิธีดื่มก็ง่ายๆ จะใส่น้ำแข็ง ผสมโคล่า ชามะนาว หรือโซดา ก็ได้ทั้งนั้นสุดแล้วแต่ว่าจะชอบรสชาติแบบไหนเท่านั้นเองแต่นักดื่มมืออาชีพมักนิยมผสมน้ำก่อนแล้วจึงผสมโซดาตามลงไปในอัตราส่วน2:1 หรือที่เรียกกันว่า " โซดาลอย " นั่นเอง...ผสมเสร็จก็ Enjoy&Drinking กันได้เลย


      โตขึ้นมาหน่อย กับความเคร่งขรึมแบบ  Johnny Walker Black Lable  วิสกี้ชั้นดีจากการหมักบ่มเพื่อให้ได้รสชาติที่คลาสสิกที่สุดนานถึง 12 ปี  วิธีการดื่มที่ถูกต้องนั้นก็คลาสสิกไม่แพ้รสชาติของตัววิสกี้ด้วยแถวยัง ง่ายๆ เท่ๆ ดูดีด้วยสไตล์ที่เรียกกันว่า ' On The Rock ' นั่นเอง หรือถ้าอยาก..ย๊าก..อยาก จะผสมมิกเซอร์เหลือเกินก็ต้องใส่น้ำแข็งเข้าไปเยอะๆ วิสกี้ สักครึ่งแก้ว และโซดาอีกครึ่งแก้วแค่นี้แหละ ก็จะได้สัมผัสรสชาติที่แท้จริงของมันแล้ว

      มาถึงวิสกี้ตระกูล จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ที่ไม่ค่อยจะเห็นบ่อยนักกันบ้างดีกว่า นั่นก็คือ Johnny Walker Gold Lebal อายุ 18 ปีนั่นเอง
      วิธีดื่มก็ไม่ยุ่งยากอะไรเล้ยย...แค่นำเอาเจ้าโกลด์ของเรา ไปใส่ในช่องแช่แข็งสัก 24ชั่วโมง ถ้าพื้นที่ในช่องแช่แข็งยังเหลือก็นำแก้วทรงสูงเปล่าๆ แช่ไว้ด้วย พอได้เวลา ก็แค่รินใส่แก้วที่แช่ไว้ข้างกันๆ นั่นแหละ แล้วดื่มเข้าไปเลย ทันทีที่วิสกี้เย็นจัดปะทะกับความอุ่นในปาก กลิ่นหอมหวนนุ่มลิ้นก็จะอบอวลไปทั่วปาก  แหม...ยิ่งถ้ามีช็อกโกแล็ตดีๆ ไว้กินเข้าคู่ล่ะก็ จะเป็นความสุขที่ลืมไม่ลงทีเดียวเชียวแหละ


       มาถึงคิวพี่รองผู้ลึกลับอย่าง  Johnny Walker Green Label เพราะการที่มีจำหน่ายในแบบจำกัดประเทศนั่นเอง มาดูวิธีซึ้งกับรสชาติเลยแล้วกัน ง่ายๆเพียงแค่หาน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ สักก้อน ก้อนเดียวจริงๆนะ ใส่ในแก้วปากกว้าง อ่อ..แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าน้ำแข็งก้อนนั้นจะเหงา เพราะเราจะเฝ้ามองอย่าทะนุถนอมเลยทีเดียว จากนั้นรินจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ของเราลงไป ไม่ต้องท่วมน้ำแข็งนะ แกว่งแก้วสักเล็กน้อย ให้อุณหภูมิของวิสกี้ชะอุณหภูมิของน้ำแข็งก้อนโต ดมกลิ่นวิสกี้ที่ระเหยขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนลิ้มรสวิสกี้ที่อุณหภูมิพอเหมาะพอดีงานนี้จะได้ รสชาติ กลิ่น และแสง ที่วิสกี้ตกกระทบกับก้อนน้ำแข็งชวนมอง สวยงามมากทีเดียว


      มาปิดท้ายกันดีกว่ากับวิสกี้ชั้นสูง พี่ใหญ่ของเรา Johnny Walker Blue Label อายุ 25 ปีนั่นเอง ที่ผ่านการหมักบ่มจากมอลต์คุณภาพสูง ตามวิธีการคลาสสิกแบบศตวรรษที่ 19  วิธีการดื่มวิสกี้ชั้นสูงนี้ก็คลาสสิกมากๆทีเดียว โดยเตรียมแก้วบรั่นดีสวยๆ ไว้สัก2ใบ แก้วนึงรินวิสกี้รอไว้ ส่วนอีกแก้วนึงรินน้ำแร่เย็นๆไว้เช่นกัน ดื่มน้ำแร่เย็นๆเข้าไปเพื่อปรับอุณหภูมิในช่องปากก่อน จากนั้นค่อยๆจิบ พี่ใหญ่ของเราที่อยู่ในแก้วอีกใบตาม เมื่อน้ำแร่เย็นๆ ที่หลงเหลืออยู่ในช่องปากผสมกับวิสกี้ชั้นดีนี้ รสชาติที่แอบซ่อนจะซึมผ่านเพดานปากไปมัดใจนักดื่มเหล้าทั้งหลายไม่รู้ลืมเลยทีเดียว


เสร็จสิ้นครบทั้ง 5 Label ของตระกูล Johnny Walker กันแล้ว ต่อจากนี้..นักดื่มทั้งหลาย ก็จะดื่มกันได้แบบไม่เสียของกันแล้วเน้ออ..~



@tuckky
23 ธ.ค. 2552 :: 23.12

credit: teymeevanovic,bigmong & me ^^

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Live & Learn

คุณคิดยังไงกับคำที่ว่า "ชีวิตของคนเรา เกิดมาเพื่อเรียนรู้"

     ตั้งแต่เกิด จนกระทั่ง ตาย ... มีสักวันมั้ยที่เราหยุดเรียนรู้ มีสักวันมั้ยที่เราหยุดค้นหาอะไรบางอย่าง มีสักวันมั้ยที่เรารู้สึกว่าเรารู้แล้วทุกอย่าง คำตอบนั่นก็คือ ไม่

     มนุษย์เราถูกสอนให้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับความเจ็บปวดมาตั้งแต่เกิด เด็กทารกที่คลอดออกมาต้องถูกตีให้เจ็บ เพื่อให้ร้องไห้ เสียงที่ร้องออกมาเป็นสัญญาณของการมีชีวิตที่พร้อมเติบโตต่อไปในอนาคต แล้วทำไมเมื่อคนเราเติบโตขึ้นมา บางคนกลับไม่สามารถยอมรับได้กับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเจ็บกาย หรือเจ็บใจ ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากว่าคนเรานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มักหลงลืมตัวตนของตัวเอง เพียงเพื่อเรียกร้องความสนใจของใครแค่บางคน

    คนบางคนยอมทิ้งความเป็นตัวเอง เปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อให้ดูดีในสายตาของคนอื่น แต่เคยคิดมั้ย ยังไงตัวตนของเราก็ยังเป็นตัวเรา เราไม่สามารถที่จะเสแสร้งไปได้ตลอดหรอก สักวันตัวตนของเราที่ซ่อนไว้เบื้องหลังก็ย่อมต้องเปิดเผยออกมา การทำตัวให้ดูดี เป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องไม่มากเกินไป อะไรก็ตามที่มันมากเกินไปย่อมไม่ดีที่สุดแน่นอน การเป็นตัวเอง เรียนรู้ตัวเอง ทำความเข้าใจให้ได้ว่าตัวเองเป็นยังไง ยอมรับมัน แล้วถึงปรับปรุงมัน ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงมัน เคยได้ยินมั้ย

"อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด"

เนื้อความท่อนหนึ่งจากเพลง Live&Learn ของคุณบอย โกสิยพงษ์

     เหตุผลอีกอย่างที่ทำให้มนุษย์เราเกิดการเรียนรู้มากที่สุดคือ "ความรัก"
ความรักเป็นปัจจัยอันดับแรกๆในการที่ทำให้ คนเราต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทั้งเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เพื่อการยอมรับ ความสนใจ จากคนบางคน ต้องการดูดีในสายตาคนอื่น ความต้องการเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งนั้น แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองที่เร็วเกินไป จากแรงผลักดันของความรู้สึกที่ต้องการอย่างรุนแรงของตัวเอง ทำให้ขาดการคิด และ เรียนรู้ ที่เหมาะสมนั่นเอง


     ดังนั้นการเป็นตัวเอง เรียนรู้ตัวเอง ทำความเข้าใจให้ได้ว่าตัวเองเป็นยังไง ยอมรับมัน แล้วถึงปรับปรุงมัน ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงมัน ถ้าทำได้ตัวคุณเองก็จะเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่สามารถมีความสุขได้ แม้จะอยู่ในช่วงที่เหงา หรือ ท้อแท้ ที่สุดแล้วก็ตาม ขอแค่คิดได้ว่า "แค่นี้ก็ดีแล้วนี่นา" อย่าไปตั้งความหวังให้มันสูงเกินไป อย่าไปคิดเองเออเองอยู่คนเดียว อย่าลืม ตัวเราเป็นของเรา ไม่มีใครมาคิดอะไรแทนเราได้ อีกทั้งเราเองก็ไม่สามารถไปคิดอะไรแทนใครได้เช่นกัน กับประโยคสั้นๆอย่าง "แค่นี้ก็ดีแล้วนี่นา" ก็สามารถทำให้เราเป็นสุขอยู่แล้ว



@tuckky

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Hello World

คง..งง กันว่าทำไมถึงตั้งชื่อว่า Hello World

ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่าคุ้นเคยกับคำๆนี้กันเป็นอย่างดีก็ว่าได้ ในการเริ่มเรียนรู้และเขียนโปรแกรมในภาษาอะไรก็แล้วแต่ โปรแกรมแรกที่มีการนำเสนอตัวอย่างเพื่อให้เห็นหลักการเขียนอย่างง่าย คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ไม่เคยเห็นหรือไม่เคยเขียนแสดง คำๆนี้หรอกนะครับ และที่เอามาใช้ตั้งชื่อเรื่อง ก็เพราะว่าบทความนี้เป็นบทความแรก ในการเขียนบล็อกอย่างเป็นทางการนั่นเอง เป็นการทักทาย เพื่อบอกว่า


"สวัสดี!! ตอนนี้ผมมีบล็อกของตัวเองแล้วนะ"
ก็ประมาณนั้น



@tuckky